ฉันติดอยู่ในโลกแห่งฝัน
เป็นโลกที่ฉันไม่อยากลืมตาตื่น
ฉันฝันเรื่องเดิมๆ ทุกวันคืน
แต่ก็ยังต้องฝืนใช้ชิวิตในห้วงวัน
ฉันฝันถึงโลกที่ไรความสับสน
ฉันฝันถึงคนที่เฝ้าคิดถึง
ฉันฝันโดยไม่คิดคำนึง
ไม่เคยนึกถึงความเป็นจริงที่ฉันเจอ
ฉันฝันเรื่อยเปลื่อยแต่ก็มีจุดหมาย
ฉันฝันถึงความเป็นไปที่ไรเหตุผล
ฉันฝัน ฝัน ฝัน เสีย จน
ฉันสับสนว่านี่มันฝันหรือเรื่องจริง
วันนึงเธอบอกให้ฉันลืมตาตื่น
ให้ฉันฟื้นจากความฝันอันแสนหวาน
ให้ฉันเจอความจริง ของเมื่อวาน
ให้ฉันเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเป็นไป
เธอบอกว่าชิวิตนั้นแสนสั้น
ทำไมเอาแต่ ฝัน ฝัน แล้วก็ฝัน
ถามฉันว่าเมื่อไหร่ฉันจะทำมัน
อย่าเอาแต่ฝัน ลงมือทำซะบ้างซี
ฉันคงเบื่อหรือเหนื่อยฉันไม่อยากเถียง
ฉันแค่เพียงเหนื่อล้า แต่ไม่ท้อถอย
ฉันไม่ได้เอาแต่ฝันอย่างเรื่อยเปลื่อยหรือเลื่อนลอย
แต่ฉันคอยให้ประกายฝันนั้นนำพา
เธอยิ้มเธอมองแล้วหัวเราะ
อาจจะเพราะเธอขำฉันหนักหนา
หรือเพราะเธอคิดและเริ่มเมตตา
ฉันนำพาความคิดเธอได้แล้ว หรืออย่างไร
เธอบอกว่าฉันไม่ได้เถียง
ฉันเป็นเพียงคนที่ต้องมีเหตุผล
บางครั้งมันก็มากมายเสียจน
เกินเหตุผลที่คนทั่วไปเค้าคิดกัน
เธอบอกท้ายที่สุดมันก็ตัวฉัน
จะฝันจะตื่น มันก็เรื่องของฉัน
แล้วเธอมาบอกเล่าทำไมกัน
เพราะฉัน และ เธอ เราเพือนกัน
ฉันและเธอ เราเพื่อนกัน ....
Saturday, May 31, 2008
Friday, May 30, 2008
ผู้โดยสารชายคนเดียวในรถตู้
นี่ไม่ได้เล่าด้วยความภูมิใจอะไรหรอกน่ะครับ แต่วันนี้ผมเป็นผู้โดยสายชายคนเดียวในรถตู้คันนั้นจริงๆ ถ้ารวมคนขับผมก็นั่งรถตู้มาพร้อมกับผู้หญิงอีก 10 คน มันคงไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ถ้ารถตู้เจ้ากรรมมันดันเสีย โอ้วแม่เจ้า รถตู้เสียพร้อมชายสองคนและหญิงอีก 10 คน คนขับพยายามสตาร์ทหลายทีก็ไม่ติด ผมดูแล้วสงสัยต้องรอคันหลังมารับ แต่ระยะที่รถตู้มันวิ่งมาก็ห่างจากท่ารถราวๆ 100 เมตรได้ คนขับหันมาบอกพวกเราว่าให้ลงไปรอที่ฟุตบาต แล้วเค้าจะไปวิ่งไปตามรถคันใหม่มาให้ แต่ปัญหาที่เกิดคือรถตู้มันจอดขวางถนนอยู่ต้องเข็นมันออกไปให้พ้นทาง คนขับเลยตะโกนบอกว่า ขอแรงผู้ชายมาช่วยเข็นรถด้วยครับ เหอะๆ นั่นไงหล่ะ ปัญหาของการเป็นผู้โดยสารชายคนเดียวในรถตู้คันนั้น คนขับต้องบังคับพวกมาลัย ส่วนผมเข็น นึกดูเอาหนุ่มหน้ามลสะพายเป้รูปร่างสะโอดสะอง พยายามเข็นรถตู้ให้มันพ้นทาง ท่ามกลางการจราจรคับคั่งบริเวณแยกลาดพร้าว ฝนปลอยๆ อีกต่างหาก ดูไม่จืดจริงๆ ...
Fix You - Radiohead
When you try your best but you don't succeed
- เมื่อคุณทำดีที่สุดแล้วแต่ก็ยังไม่สำเร็จ
When you get what you want but not what you need
- เมื่อสิ่งที่คุณได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ
When you feel so tired but you can't sleep
- เมื่อรู้รู้สึกเหนื่อยล้าแต่กลับไม่สามารถจะนอนหลับได้
Stuck in reverse
- ทุกสิ่งมันตรงกันข้ามกันไปหมด
And the tears come streaming down your face
- และน้ำตาก็ไหลออกมาเปื้อนใบหน้า
When you lose something you cannot replace
- เมื่อคุณสูญเสียบางอย่าง และไม่มีสิ่งไหนทดแทนมันได้
When you love someone but it goes to waste
- เมื่อคุณรักใครสักคนแต่ท้ายที่สุดมันก็สูญเปล่า
COULD IT BE WORSE?
- มันไม่มีค่าอะไรเลยเหรอ?
Lights will guide you home
- แสดงสว่างจะนำทางคุณกลับบ้าน
And ignite your bones
- และเผาไหม้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นไป
And I will try to fix you
- และฉันจะลองช่วยคุณ
And high up above or down below
- ไม่ว่ามันจะดีขึ้น หรือแย่ลง
When you're too in love to let it go
- เมื่อคุณมีความรักมากๆ คุณต้องปล่อยมันไป
But if you never try you'll never know
- แต่ถ้าคุณไม่เคยลอง คุณก็จะไม่มีวันรู้
Just what you're worth
- กระทั่งคุณค่าที่แท้จริงของตัวคุณเอง
...
- เมื่อคุณทำดีที่สุดแล้วแต่ก็ยังไม่สำเร็จ
When you get what you want but not what you need
- เมื่อสิ่งที่คุณได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ
When you feel so tired but you can't sleep
- เมื่อรู้รู้สึกเหนื่อยล้าแต่กลับไม่สามารถจะนอนหลับได้
Stuck in reverse
- ทุกสิ่งมันตรงกันข้ามกันไปหมด
And the tears come streaming down your face
- และน้ำตาก็ไหลออกมาเปื้อนใบหน้า
When you lose something you cannot replace
- เมื่อคุณสูญเสียบางอย่าง และไม่มีสิ่งไหนทดแทนมันได้
When you love someone but it goes to waste
- เมื่อคุณรักใครสักคนแต่ท้ายที่สุดมันก็สูญเปล่า
COULD IT BE WORSE?
- มันไม่มีค่าอะไรเลยเหรอ?
Lights will guide you home
- แสดงสว่างจะนำทางคุณกลับบ้าน
And ignite your bones
- และเผาไหม้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นไป
And I will try to fix you
- และฉันจะลองช่วยคุณ
And high up above or down below
- ไม่ว่ามันจะดีขึ้น หรือแย่ลง
When you're too in love to let it go
- เมื่อคุณมีความรักมากๆ คุณต้องปล่อยมันไป
But if you never try you'll never know
- แต่ถ้าคุณไม่เคยลอง คุณก็จะไม่มีวันรู้
Just what you're worth
- กระทั่งคุณค่าที่แท้จริงของตัวคุณเอง
...
Tuesday, May 27, 2008
ความเศร้า บางครั้งมันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ผมไม่ได้ดูถูกความเศร้านะครับ เรื่องธรรมดาก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องไร้สาระแต่อย่างใด แต่ที่ผมบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา คือมันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ปกติกับทุกคน ไม่ว่าจะมีจะจนจะรวยล้นฟ้า มันก็ต้องมีเรื่องให้เศร้าโศกกันทุกคน และทุกคนเมื่อมีสติถือครอง คือสามารถรับรู้เห็นและพิจารณาสิ่งรอบข้างได้ ก็ไม่เว้นต้องได้มีโอกาสพิจารณาความเศร้ากันบ้างแหละ วันนี้ได้ทราบข่าวจากเธอคนนึงว่า แมว ของเธอถูกหมากัดอาการสาหัส อารมณ์แรกคือเห้ย มันแย่จังเลยวะ เพราะเธอเองเฝ้าฝันถึงวันที่จะพามันมาเลี้ยงอยู่ด้วย คือแมวมันอยู่ที่บ้าน และเธอเองอยู่ที่หอพัก เธอมีแผนว่าวันนึงเธอจะนำมันมาอยู่ด้วย มันคือความฝัน ถ้าเราฝัน แล้วมีไอ้บ้าที่ไหนเดินมาบอกเราว่า เลิกฝันเถอะ มันเป็นไปไม่ได้ คุณเซ็งมั๊ยครับ แล้วถ้าคุณฝัน แล้วมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมคงไม่ต้องถามว่ามันจะเศร้าแค่ไหน เพราะคุณคงนึกไม่ออก แม้แต่ผมเองก็เถอะ ผมเป็นประเภทปลอบใจคนไม่เก่งด้วย แต่ผมเชื่อว่าบางครั้งเราต้องยอมให้เวลามันเยียวยาเรื่องพวกนี้ ผมอยากให้เธอเศร้ากับมันให้เต็มที่ ในเวลาแบบนี้ไม่ต้องคิดถึงพรุ่งนี้หรืออาทิตย์หน้า จงร้องไห้จงเสียใจ จงอยู่กับสิ่งเหล่านี จงซึมซับมันให้เต็มที่ ใช้เสี้ยวเวลานี้ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหลาย และปล่อยให้เวลามันค่อยๆ เจือจางความรู้สึกเราไป ตามเงื่อนไขของเวลา ถ้าคุณร้องไห้ และหาคนที่ปลอบให้คุณหยุดคนนั้นอาจจะไม่ใช่ผม แต่ถ้าคุณต้องการคนที่ร้องไห้เป็นเพื่อนคุณ ผมคงจะเป็นคนลักษณะนั้นมากกว่า (ดูเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเลยแฮะ :P )
ครั้งนึงผมเคยพาเพื่อนไปซื้อสุนัข คือเพื่อนผมคนนี้อยากเลี้ยงสุนัขครับ แต่ที่บ้านเค้าไม่ค่อยอยากให้เลี้ยง แต่ผมเองอยากให้เธอได้เลี้ยงเหมือนกัน เพราะโดยส่วนตัวของผมรู้สึกว่าคนที่เลี้ยงสัตว์หรือปลูกต้นไม้ จะเป็นคนจิตใจละเอียดอ่อน นึกง่ายๆ คือถ้าคุณมีอะไรให้ดูแลมันจะทำให้คุณดูแลเรื่องอื่นๆ ได้ดีขึ้น แม้แต่ดูแลตัวเอง มันจะทำให้คุณเป็นคนใจเย็น ผมรู้สึกไปเองนะครับ อย่าเชื่อผมมาก 55 แต่ความเชื่อแค่นั้นมันก็ทำให้ผม ผลักดันให้เธอไปหามันมาเลี้ยงแล้วแหละครับ จำได้ว่าผมย้ำกับเธอหลายครั้ง ว่ารู้นะว่าสุนัขมันอายุสั้นกว่าเรา และการเลี้ยงมัน คุณจะผูกพันกับมัน แน่ใจนะว่าวันนึงมันต้องจากคุณไปแล้วคุณจะทำใจได้ จำได้ว่าเค้าบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา เค้ารู้อยู่แล้ว ผมคงคิดมากไป -_-" ภายหลังได้ข่าวว่ามันเป็นสุนัขประจำครอบไปแล้ว ดีเหมือนกันแฮะ ถึงใครโดนไหว้วานให้ดูแลมันเวลาอีกคนไม่อยู่ ถึงจะบ่น แต่ก็ดูแลมันเป็นอย่างดี ไม่น่าเชื่อว่าสุนัขตัวนึงมันจะส่งเสริมความสัมพันธ์ของครอบครัวได้ดีเหมือนกันแฮะ มันคงมีความสุขไปแล้วแหละ เจ้าสุนัขตัวนั้นหน่ะ ฉันไม่ได้อิจฉาแกหรอกนะ หุหุ
ผมรู้อย่างเดียวว่ามันเศร้านะ แต่ผมนึกไม่ออกถึงปริมาณของมัน มันคงมากที่สุดสำหรับคุณในช่วงนี้เลยแหละ ผมยังเป็นเกำลังใจให้เสมอนะ ขอให้คุณผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ในเวลาที่เหมาะสม มันจะนานแค่ไหน คุณเท่านั้นแหละที่จะรู้ บางสิ่งก็ถูกส่งให้มาอยู่กับเราในระยะเวลาสั้นๆ บางอย่างก็เหมือนส่งมาทดสอบจิตใจเรา โดยปกติ เราจะเข้มแข็งขึ้นเสมอเมื่อเรื่องร้ายๆ ผ่านไป...
ครั้งนึงผมเคยพาเพื่อนไปซื้อสุนัข คือเพื่อนผมคนนี้อยากเลี้ยงสุนัขครับ แต่ที่บ้านเค้าไม่ค่อยอยากให้เลี้ยง แต่ผมเองอยากให้เธอได้เลี้ยงเหมือนกัน เพราะโดยส่วนตัวของผมรู้สึกว่าคนที่เลี้ยงสัตว์หรือปลูกต้นไม้ จะเป็นคนจิตใจละเอียดอ่อน นึกง่ายๆ คือถ้าคุณมีอะไรให้ดูแลมันจะทำให้คุณดูแลเรื่องอื่นๆ ได้ดีขึ้น แม้แต่ดูแลตัวเอง มันจะทำให้คุณเป็นคนใจเย็น ผมรู้สึกไปเองนะครับ อย่าเชื่อผมมาก 55 แต่ความเชื่อแค่นั้นมันก็ทำให้ผม ผลักดันให้เธอไปหามันมาเลี้ยงแล้วแหละครับ จำได้ว่าผมย้ำกับเธอหลายครั้ง ว่ารู้นะว่าสุนัขมันอายุสั้นกว่าเรา และการเลี้ยงมัน คุณจะผูกพันกับมัน แน่ใจนะว่าวันนึงมันต้องจากคุณไปแล้วคุณจะทำใจได้ จำได้ว่าเค้าบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา เค้ารู้อยู่แล้ว ผมคงคิดมากไป -_-" ภายหลังได้ข่าวว่ามันเป็นสุนัขประจำครอบไปแล้ว ดีเหมือนกันแฮะ ถึงใครโดนไหว้วานให้ดูแลมันเวลาอีกคนไม่อยู่ ถึงจะบ่น แต่ก็ดูแลมันเป็นอย่างดี ไม่น่าเชื่อว่าสุนัขตัวนึงมันจะส่งเสริมความสัมพันธ์ของครอบครัวได้ดีเหมือนกันแฮะ มันคงมีความสุขไปแล้วแหละ เจ้าสุนัขตัวนั้นหน่ะ ฉันไม่ได้อิจฉาแกหรอกนะ หุหุ
ผมรู้อย่างเดียวว่ามันเศร้านะ แต่ผมนึกไม่ออกถึงปริมาณของมัน มันคงมากที่สุดสำหรับคุณในช่วงนี้เลยแหละ ผมยังเป็นเกำลังใจให้เสมอนะ ขอให้คุณผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ในเวลาที่เหมาะสม มันจะนานแค่ไหน คุณเท่านั้นแหละที่จะรู้ บางสิ่งก็ถูกส่งให้มาอยู่กับเราในระยะเวลาสั้นๆ บางอย่างก็เหมือนส่งมาทดสอบจิตใจเรา โดยปกติ เราจะเข้มแข็งขึ้นเสมอเมื่อเรื่องร้ายๆ ผ่านไป...
Monday, May 26, 2008
แบสัมผัสได้ทุกสิ่ง
"ถ้าเรากำมือไว้ เราก็สัมผัสได้เฉพาะอากาศที่อยู่ในอุ้งมือของเราเท่านั้น แต่ถ้าเราลองแบ เราจะสามารถสัมผัสอากาศได้ทั้งโลก" เค้าบอกว่าเอามาจากกภาพยนต์จีนเรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon เค้าแนะนำผมแค่นี้ แต่มันดูยิ่งใหญ่จังฟะ 55
ROLLBACK - กลับสู่จุดเดิม
หนึ่งในกระบวนการทำงานโดยเฉพาะการ upgrade ระบบที่กำลังทำงานอยู่ ไปอีกระบบนึง จุดมุ่งหมายๆ อาจจะเพื่อให้การทำงานดีขึ้น หรือจำเป็นต้อง upgrade เพื่อใช้ function แปลกใหม่ที่ระบบเดิมไม่รองรับ อาจจะเป็นระบบที่ทำงานมานาน จนเก่า เมื่อมีอะไรใหม่ๆมาเชื่อต่อ การเชื่อต่อใหม่กับเก่าก็อาจจะสร้างปัญหา โดยเนื้องแท้ของการพัฒนาผู้พัฒนามักจะพัฒนาให้รองรับระบบเก่าให้ได้มากที่สุด แต่ก็เป็นการสิ้นเปลืองคนและเวลาพอสมควรอีกทั้งเรื่องของความเข้ากันได้แบบสมบูรณ์ซึ้งเป็นเรื่องยากลำบากเอาการ ดังนั้นการเลือกที่จะ upgrade หรือ migrate ของเดิมเพื่อให้เป็นของใหม่ ก็เป็นทางเลือกที่ดี
ในการวางแผนเพื่อนการ migrate ระบบสิ่งนึงที่ต้องอยู่ในแผนคือ แผนการนำมันกลับมาสู่การทำงานแบบเดิมให้ได้ เรียกกันว่า ROLLBACK หมายความว่าถ้าเราไม่สามารถที่จะทำให้มันทำงานกับระบบใหม่ได้ เราก็ต้องนำมันกลับมาเพื่อให้ใช้งานได้เหมือนเดิม ตามธรรมชาติของผม ผมไม่ค่อยคิดถึงเรื่อง ROLLBACK เมื่อทำอะไรแล้วมันต้องทำให้สำเร็จ นั่นคือชิวิตวัยรุ่น ไม่มีแผนว่าทำไม่ได้แล้วจะทำไง ใช้ของเดิม? มั๊ย ผมเคยยอมให้ตัวเองอยูในสภาพบีบคั้นจากการฝืนลักษณะนี้ มาหลายครั้ง สิ่งผมได้ก็คือ ระบบใหม่ที่ขึ้นมาพร้อมกับความไม่มั่นใจของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถึงแม้มันจะทำงานได้ดี แต่ความสั่นคลอนในช่วง migrate มันทำให้คนที่เกี่ยวข้องขาดความมั่นใจ ถึงระบบนิ่งดีแล้ว แต่ก็ต้องทิ้งระยะนานพอสมควรเพื่อให้ความมั่นใจกลับคืนมา
เรื่องของเรื่องผมพึ่งจะทำงาน ROLLBACK ระบบไป หลังจากผ่านกระบวนการนี้สิ่งที่ติดค้างให้ความคิดของผมคือ เห้ย เราทำมันไม่ได้เหรอวะ ถ้ามีเวลาอีกสักหน่อย เราจะทำมันได้หรือเปล่าวะ มันวนเวียนในหัวผมตลอดเวลา ว่าอะไรเป็นสาเหตุของระบบที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างที่หวัง ขนาดหลับตายังฝันถึง มันไปใกล้ความสำเร็จมาก แทบชะเง้อคอเห็น แต่สุดท้ายผมก็ต้องเดินกลับมายืนอยู่ที่เดิม บางครั้งชิวิตมันก็ต้องมีการ ROLLBACK เหมือนกัน บางครั้งเมื่อเดินอย่างไรก็คลำหาปลายทางไม่เจอ เมื่อถึงจุดนึงคุณอาจจะต้องตัดสินใจ ROLLBACK เพื่อกลับมาทบทวนกระบวนการอีกครั้ง ทบทวนทุกขั้นตอน ความผิดพลาดทั้งหมด ถึงตอนนั้นคุณจะได้ตระหนักว่า อะไรคือสาเหตุของความผิดพลาดนั้น สำหรับการ migrate ครั้งต่อไป มันก็อาจจะทำให้คุณสามารถ upgrade ระบบใหม่ได้ การ migrate ที่ไม่สมบูรณ์มันสร้างความไม่มั่นใจให้คนที่ใช้ระบบ แต่การ ROLLBACK มันก็สร้างความไม่มั่นใจให้คนดูแลระบบเช่นเดียวกัน อย่าลืมว่าการ rollback มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชิวิตเราเสมอ ถึงคุณจะรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมหลังจาก rollback กลับมาก็เถอะ แต่สิ่งที่คุณได้คือคุณได้ลิ้มลองประสบการณ์ของการ migrate ไปแล้ว คุณได้ลองระบบใหม่กับสภาพการใช้งานที่แท้จริง ได้เห็นทุกกลไกการทำงานของมัน บางครั้งมันก็แตกต่างจากการทำงานในสภาพแวดล้อมของการทดสอบโดยสิ้นเชิง ...
ในการวางแผนเพื่อนการ migrate ระบบสิ่งนึงที่ต้องอยู่ในแผนคือ แผนการนำมันกลับมาสู่การทำงานแบบเดิมให้ได้ เรียกกันว่า ROLLBACK หมายความว่าถ้าเราไม่สามารถที่จะทำให้มันทำงานกับระบบใหม่ได้ เราก็ต้องนำมันกลับมาเพื่อให้ใช้งานได้เหมือนเดิม ตามธรรมชาติของผม ผมไม่ค่อยคิดถึงเรื่อง ROLLBACK เมื่อทำอะไรแล้วมันต้องทำให้สำเร็จ นั่นคือชิวิตวัยรุ่น ไม่มีแผนว่าทำไม่ได้แล้วจะทำไง ใช้ของเดิม? มั๊ย ผมเคยยอมให้ตัวเองอยูในสภาพบีบคั้นจากการฝืนลักษณะนี้ มาหลายครั้ง สิ่งผมได้ก็คือ ระบบใหม่ที่ขึ้นมาพร้อมกับความไม่มั่นใจของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถึงแม้มันจะทำงานได้ดี แต่ความสั่นคลอนในช่วง migrate มันทำให้คนที่เกี่ยวข้องขาดความมั่นใจ ถึงระบบนิ่งดีแล้ว แต่ก็ต้องทิ้งระยะนานพอสมควรเพื่อให้ความมั่นใจกลับคืนมา
เรื่องของเรื่องผมพึ่งจะทำงาน ROLLBACK ระบบไป หลังจากผ่านกระบวนการนี้สิ่งที่ติดค้างให้ความคิดของผมคือ เห้ย เราทำมันไม่ได้เหรอวะ ถ้ามีเวลาอีกสักหน่อย เราจะทำมันได้หรือเปล่าวะ มันวนเวียนในหัวผมตลอดเวลา ว่าอะไรเป็นสาเหตุของระบบที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างที่หวัง ขนาดหลับตายังฝันถึง มันไปใกล้ความสำเร็จมาก แทบชะเง้อคอเห็น แต่สุดท้ายผมก็ต้องเดินกลับมายืนอยู่ที่เดิม บางครั้งชิวิตมันก็ต้องมีการ ROLLBACK เหมือนกัน บางครั้งเมื่อเดินอย่างไรก็คลำหาปลายทางไม่เจอ เมื่อถึงจุดนึงคุณอาจจะต้องตัดสินใจ ROLLBACK เพื่อกลับมาทบทวนกระบวนการอีกครั้ง ทบทวนทุกขั้นตอน ความผิดพลาดทั้งหมด ถึงตอนนั้นคุณจะได้ตระหนักว่า อะไรคือสาเหตุของความผิดพลาดนั้น สำหรับการ migrate ครั้งต่อไป มันก็อาจจะทำให้คุณสามารถ upgrade ระบบใหม่ได้ การ migrate ที่ไม่สมบูรณ์มันสร้างความไม่มั่นใจให้คนที่ใช้ระบบ แต่การ ROLLBACK มันก็สร้างความไม่มั่นใจให้คนดูแลระบบเช่นเดียวกัน อย่าลืมว่าการ rollback มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชิวิตเราเสมอ ถึงคุณจะรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมหลังจาก rollback กลับมาก็เถอะ แต่สิ่งที่คุณได้คือคุณได้ลิ้มลองประสบการณ์ของการ migrate ไปแล้ว คุณได้ลองระบบใหม่กับสภาพการใช้งานที่แท้จริง ได้เห็นทุกกลไกการทำงานของมัน บางครั้งมันก็แตกต่างจากการทำงานในสภาพแวดล้อมของการทดสอบโดยสิ้นเชิง ...
Saturday, May 24, 2008
เปลี่ยนตัวเอง
ฉันได้มีโอกาสคุยกับคนที่จะเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดี ฉันลองมาคิดถึงตัวฉันเอง ว่าฉันเคยเปลี่ยนตัวเองไหมนะ หรือฉันเคยมีตัวเองหรือเปล่า การรู้สึกว่าจะเปลี่ยนตัวเองมันมีปัจจัยจากอะไรกัน ฉันคิดว่าเมื่อไหร่ที่เราจะเปลี่ยนตัวเองคงมาจาก 2 สาเหตุหลัก หนึ่งคือรู้สึกว่าที่ตัวเองเป็นอยู่มันแย่ สองก็คงเพราะที่คนอื่นเป็นมันดี เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าะไรบางอย่างในตัวเรามันแย่ เราก็ต้องอยากเปลี่ยนอยากเลิกทำพฤติกรรมเหล่านั้น เผื่อว่ามันจะดี ฉันลองมองตัวฉันเองแล้วฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเหตุผลนี้เยอะมาก แต่ปัญหาของฉันคือ มันไม่เคยมีใครมาบอกว่าฉันไม่ดีหรอก แต่ฉันแค่รู้สึกว่าทำไปแล้วมันไม่ดี ฉันก็เลยตัดสินใจไม่ทำมัน แต่บ่อยครั้งด้วยความเป็นตัวเอง ฉันก็ยังเผลอหรือหลุดมันออกมาเหมือนกัน สรุปคือฉันไม่ได้เปลี่ยนตัวเอง หรือไม่ฉันก็เปลี่ยนมันไม่ได้ เพียงแต่ซ่อนมันไว้ให้มันอยู่ในขอบเขต ฉันเปลี่ยนตัวเองไม่ได้เช่นนั้นหรือ หรือไม่มีใครเปลี่ยนตัวเองได้กัน ไม่สิ ฉันเชื่อว่าใครก็ตามถ้าพร้อมด้วยความตั้งใจแล้วหล่ะก็เปลี่ยนได้แน่นอน ฉันก็ขอเป็นกำลังใจให้กับใครที่คิดจะเปลี่ยนตัวเองด้วยกรณีนี้ด้วยแล้วกันนะ แล้วกรณีที่คนอื่นดี แล้วเป็นแรงบันดาลใจให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองหล่ะ กรณีนี้ฉันไม่เคยเปลี่ยนแฮะ คงเพราะฉันมีอัตตาสูงเกินไปหล่ะมั๊ง ฉันโดนตำหนิมามากมายเกี่ยวกับการแต่งตัว แต่ฉันก็แทบจะไม่เคยทำให้มันดีขึ้นเลย เพราะอะไรหน่ะหรือ เพราะฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่ฉัน การแต่งตัวมันก็แค่กรอบบางๆ ที่ห่อหุ่มเราจากสายตาคนรอบข้าง ฉันเลือกตามความเหมาะสมมากกว่า ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะแต่งตัวแย่ ทุกกรณีหรอกนะ (เพื่อนๆ ใช้คำว่าซกมก หรือไม่ก็เซอร์ ซอมซ่อ อะไรก็ตามแต่) ฉันเลือกแต่งตัวตามสบาย หรือเรียกง่ายๆ ก็คือฉันไม่ได้เลือกว่าจะแต่งตัวแบบไหนในเวลาปกติ ถ้าเธอจะบอกว่าสายตาคนรอบข้างมันสำคัญ ฉันเองก็เห็นด้วยอย่างเต็มที่ แต่ความรู้สึกของฉันหรือเธอ มันสำคัญกว่าสายตาคนเหล่านั้นมากมายนัก แต่เชื่อเถอะถ้ามันกระทบต่อความรู้สึกคนข้างๆ ฉัน ฉันแคร์อยู่แล้ว ฉันให้ความสำคัญกับคนที่อยู่กับฉันในเวลานั้นเสมอมา ดีแล้วของฉันมันอาจจะยังแย่อยู่ในสายตาคนมากมาย "คุณค่าจริงๆ ของตัวเรา มันอยู่ที่สิ่งที่เรานำไปเปรียบเทียบ" ฉันจำเค้ามาจากในเว็บหรอก หมายความว่าถ้าเราไปเปรียบเทียบกับคนที่แย่กว่า เราก็ดีหน่ะสิ ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น เราต้องเปรียบเทียบกับคนที่เรารู้สึกว่าดีกว่าสินะถึงจะถูก ถ้ามันจะช่วยพัฒนาตัวเราเองให้มันดี แต่ฉันก็ไม่เคยอยากเป็นเหมือนใคร แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงเพื่อคนที่ฉันรักฉันพร้อมจะทำมันเสมอ แม้นเค้าคนนั้นจะบอกฉันว่า "เป็นตัวคุณเองเถอะ อย่ามาเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะฉัน" ฉันบอกได้เลย ว่าฉันทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ....
อารมณ์กินเหล้า
คนกินเหล้าเค้ามีอารมณ์ไหนกันนะ บางคนเครียดกับงาน เห้ยกินเหล้ากัน บางคนมีปัญหาชิวิต เห้ยกินเหล้าเว้ย บางคนอกหัก ทะเลาะแฟน เห้ยกลุ้มกินเหล้า ปัญหาที่ว่ามาทั้งหมด ผมกลับกินเหล้าไม่ลงแฮะ เวลาที่สมองทำงานหนัก เวลาที่มีปัญหาแทรกแซงในความคิด เวลาที่มีปัญหาที่แก้ไม่ตกผมไม่มีอารมณ์จะกินเหล้า แต่ถ้าเป็นปัญหาของคนอื่น ผมไปกินเป็นเพื่อนได้ไม่ค่อยขัด :P แต่ถ้าปัญหาของตัวเองผมขออยู่เงียบๆ ตรึกตรองทบทวนความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้นดีกว่า ผมไม่ใช่คนที่คิดไม่ตกแล้วจะทำร้ายตัวเองแน่นอน แต่บางคนบอกว่ากินเหล้าให้มันลืมๆ ไปบ้าง มันก็ลืมจริงๆ แต่ตื่นมาก็จำได้เหมือนเดิมแถมอาการปวดหัวมาอีก แล้วผมกินเหล้ากรณีไหน ก็กรณีอยากกิน บรรยากาศมันได้ การได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ความสนุกสนานที่เกิดขึ้น เวลาที่มีปัญหาผมอยากใช้เวลากับมัน สำรวจทุกความเป็นไปได้ถึงที่มาและสาเหตุ โดยที่สติสัปชัญญะครบถ้วน มันเป็นคนแบบนี้นี่เอง ที่ว่ามาทั้งหมด แค่จะบอกว่า วันนี้ไม่มีอารมณ์จะกินเหล้าจริงๆ เลยหว่ะเพื่อนๆ ขอโทษด้วย
Thursday, May 22, 2008
เพลงบางเพลง มันก็โดนซะจริงๆ 55
ไม่ได้พร่ำด้วยสำนวนตัวเองมาพักใหญ่แล้วแฮะ ไม่เนื้อเพลงก็วิจารณ์หนัง คราวนี้อีกเช่นกัน ช่วงนี้ีมีโอกาสพังเพลงหลายหลายแนวๆ แล้วก็หลากหลายศิลปินเหลือเกิน เพลงๆ ดีๆ ยังมีอีกเยอะ และด้วยความเยอะของปริมาณเพลงที่ออกมาให้ฟังกันมันยิ่งที่ให้เพลงดีๆ มีเยอะขึ้นไปอีก แม้เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนเราอาจจะรู้สึกว่ามันน้อยเมื่อเทียบกับความเกล่อของเพลงที่ทำกันออกมา และด้วยความง่ายในการนำเสนอผ่านสื่อ internet ทำให้เราก็พลอยได้โอกาสฟังเพลงหลายๆ แนวไปในตัว เพลงนี้ฟังแล้วรู้สึดว่าโดน ก็เท่านั้น :D ถ้าเพลงก่อนหน้าของกรูำฟไรเดอร์ บอกว่า "รักไม่ได้" เพลงนี้ของเพลงกราวด์ ก็อีกอารมณ์นึงคือรักไปแล้ว ผมว่าสองเพลงนี้ให้อารมณ์คล้ายๆ กันนะขณะที่คนนึงพยายามจะบอกตัวเองว่า อย่าพึ่งรักนะเฟ้ย ถึงจะชอบจะรู้สึกว่าใกล้เคียงแค่ไหน อย่าพึงไปรักหล่ะ อีกคนกลับบอกว่า รักไปแล้วนะ ถ้าจะมองว่าไรสาระ ฉันก็รักเธอแหละน่า...
-- เพลง ไร้สาระ - เพลย์กราวด์ (Playground) --
แม้นานเท่าไหร่
ก็จะขอรอเธอ..
ไม่เปนไรจริงๆ
ถ้าเธอยังไม่พร้อม
ไม่พร้อมรับความรู้สึกของฉันตอนนี้
ก็เข้าใจเธอดี
ว่าเรื่องแบบนี้
เราต่างก็มีเหตุผลส่วนตัวใช่ไหม
*แต่ฉันยืนยันจะคอยต่อไป
ในเมื่อความรักของฉันยังคงหมุนรอบเธอทุกวินาทีแบบนี้
(ก็เพราะความรักฉันไม่เคยหยุดหมุน รอบเธอซักวินาทีแบบนี้)
จะให้ฉันฉันทำอย่างไร
**ฉันรู้ว่ามันอาจฟังดูไม่มีเหตุผล
ที่ฉันยังรั้งแอบหวัง ให้เรารักกัน
และชีวิตของฉันคนนี้ มารบกวนใจ
ก็โปรดคิดว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระเรื่องหนึ่งได้ไหม
แค่คนธรรมดา ที่มันมีความรัก
และอยากให้คนที่เขาหลงรัก..ได้รู้
อาจจะดูกวนใจ ที่แสดงให้รู้
สุดท้ายเมื่อเธอจะรังเกียจกัน..แค่ไหน
ซ้ำ (*),(**)
อาจจะไม่มีวันนั้นจริง
ไม่มีวันที่ได้เธอมา
แต่ขอ..รอ...รอเธอเสมอ..ไป...
ซ้ำ (**)
ฉันรู้ว่ามันอาจฟังดูไม่มีเหตุผล
ที่ฉันยังรั้งแอบหวัง ให้เรารักกัน
แต่ความจริงก็ยังคงหวังลึกๆในใจ
ว่าเธอคงไม่มองมันเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ ใช่ไหม...........
-- เพลง ไร้สาระ - เพลย์กราวด์ (Playground) --
แม้นานเท่าไหร่
ก็จะขอรอเธอ..
ไม่เปนไรจริงๆ
ถ้าเธอยังไม่พร้อม
ไม่พร้อมรับความรู้สึกของฉันตอนนี้
ก็เข้าใจเธอดี
ว่าเรื่องแบบนี้
เราต่างก็มีเหตุผลส่วนตัวใช่ไหม
*แต่ฉันยืนยันจะคอยต่อไป
ในเมื่อความรักของฉันยังคงหมุนรอบเธอทุกวินาทีแบบนี้
(ก็เพราะความรักฉันไม่เคยหยุดหมุน รอบเธอซักวินาทีแบบนี้)
จะให้ฉันฉันทำอย่างไร
**ฉันรู้ว่ามันอาจฟังดูไม่มีเหตุผล
ที่ฉันยังรั้งแอบหวัง ให้เรารักกัน
และชีวิตของฉันคนนี้ มารบกวนใจ
ก็โปรดคิดว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระเรื่องหนึ่งได้ไหม
แค่คนธรรมดา ที่มันมีความรัก
และอยากให้คนที่เขาหลงรัก..ได้รู้
อาจจะดูกวนใจ ที่แสดงให้รู้
สุดท้ายเมื่อเธอจะรังเกียจกัน..แค่ไหน
ซ้ำ (*),(**)
อาจจะไม่มีวันนั้นจริง
ไม่มีวันที่ได้เธอมา
แต่ขอ..รอ...รอเธอเสมอ..ไป...
ซ้ำ (**)
ฉันรู้ว่ามันอาจฟังดูไม่มีเหตุผล
ที่ฉันยังรั้งแอบหวัง ให้เรารักกัน
แต่ความจริงก็ยังคงหวังลึกๆในใจ
ว่าเธอคงไม่มองมันเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ ใช่ไหม...........
เพลง รักไม่ได้ - Groove Riders
เพลงนี้แปลกดีแฮะ ทำไมถึงรักไม่ได้หล่ะ?
--
ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงไม่ลืมเธอ
มีเธอในใจฉันเสมอไม่เข้าใจ
อยากกอดเธอเอาไว้ สักเท่าไร
แต่หัวใจ ฉันก็รู้ดี จูบเธอได้ในฝัน
เท่านี้ แค่นี้ เพียงแค่นั้นในใจ
*รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไหร่ก็ ต้องหยุดไว้เอง
เป็นบททดสอบของเบื้องบน
ให้ค้นหาหัวใจ ส่งมาให้ตัวฉันข้ามไป
อยากจะลองใจฉันหรือเปล่า
จะได้รู้ว่ารักหรือแค่เหงา ให้เห็นเงา
สะท้อนหัวใจ เก็บเธอไว้แค่ฝัน
ได้ไหม เพราะหัวใจฉันกระซิบว่า(ซ้ำ*)
รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไหร่ก็ รักไม่ได้
บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง ชอบเขาเท่าไหร่
ก็ต้องหยุดไว้เอง
--
ฟังได้ที่ ลองฟัง
--
ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงไม่ลืมเธอ
มีเธอในใจฉันเสมอไม่เข้าใจ
อยากกอดเธอเอาไว้ สักเท่าไร
แต่หัวใจ ฉันก็รู้ดี จูบเธอได้ในฝัน
เท่านี้ แค่นี้ เพียงแค่นั้นในใจ
*รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไหร่ก็ ต้องหยุดไว้เอง
เป็นบททดสอบของเบื้องบน
ให้ค้นหาหัวใจ ส่งมาให้ตัวฉันข้ามไป
อยากจะลองใจฉันหรือเปล่า
จะได้รู้ว่ารักหรือแค่เหงา ให้เห็นเงา
สะท้อนหัวใจ เก็บเธอไว้แค่ฝัน
ได้ไหม เพราะหัวใจฉันกระซิบว่า(ซ้ำ*)
รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไหร่ก็ รักไม่ได้
บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง
ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง ชอบเขาเท่าไหร่
ก็ต้องหยุดไว้เอง
--
ฟังได้ที่ ลองฟัง
Monday, May 19, 2008
"Here By Me" - เศร้าชมัดเลยเพลงนี้
รู้ตัวนะว่าแปลมั่ว แต่ไม่อยากเปิด Dict เลยแปลตามความรู้สึก แบบว่า พยายามอินหน่อยหน่ะ
I hope you’re doing fine out there without me
ผมหวังว่าคุณคงจะมีความสุขโดยที่ไม่มีผม
‘Cause I’m not doing so good without you
เพราะผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่เมื่อไม่มีคุณ
The things I thought you’d never know about me
มันมีบางอย่างที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับผม
Were the things I guess you always understood
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเคยคิดว่าคุณเข้าใจมันเสมอมา
So how could I have been so blind for all these years?
ผมอยากจะทำตัวเป็นคนตาบอกตลอดไปหลังจากนี้
Guess I only see the truth through all this fear,
ผมคิดว่าผมน่าจะมองเห็นความเป็นจริงผ่านความกลัวเหล่านี้ได้
And living without you…
และอยู่ได้โดยที่ไม่มีคุณ
And everything I have in this world
และทุกๆ อย่างที่ผมมีในโลกนี้
And all that I’ll ever be
และทุกอย่างที่ผมเคยเป็น
It could all fall down around me.
ทุกอย่างมันล่วงลงมากองรอบๆ ผม
Just as long as I have you,
ตราบเท่าที่ผมยังมีคุณอยู่
Right here by me.
อยู่ที่นี่กับผมนะ
I can’t take another day without you
ผมไม่สามารถผ่านวันเหล่านี้ไปได้โดยไม่มีคุณ
‘Cause baby, I could never make it on my own
เพราะอะไรหน่ะหรือที่รัก, เพราะผมไม่เคยทำมันได้ด้วยตัวผมเอง
I’ve been waiting so long, just to hold you
ผมรอมานานแสนนาน, เพียงเพื่อจะเหนี่ยวรั้งคุณ
And to be back in your arms where I belong
และเพื่อจะกลับมาในอ้อมกอดของคุณ ตราบที่ผมยังมีลมหายใจ
Sorry I can’t always find the words to say
ผมขอโทษที่ไม่สามารถสรรหาคำพูดใดๆ
But everything I’ve ever known gets swept away
แต่ทุกๆ อย่างที่ผมเคยรู้มันก็หลุดหายไป
Inside of your love…
ไปในความรักของคุณ
As the days grow long I see
ในแต่ละวันที่ผ่านไป ผมเห็น
That time is standing still for me
ช่วงเวลาเหล่านั้นหยุดนิ่งเพื่อผม
When you’re not here
ตั้งแต่ที่ไม่มีคุณอยู่ตรงนี้
Right here by me.
I hope you’re doing fine out there without me
ผมหวังว่าคุณคงจะมีความสุขโดยที่ไม่มีผม
‘Cause I’m not doing so good without you
เพราะผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่เมื่อไม่มีคุณ
The things I thought you’d never know about me
มันมีบางอย่างที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับผม
Were the things I guess you always understood
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเคยคิดว่าคุณเข้าใจมันเสมอมา
So how could I have been so blind for all these years?
ผมอยากจะทำตัวเป็นคนตาบอกตลอดไปหลังจากนี้
Guess I only see the truth through all this fear,
ผมคิดว่าผมน่าจะมองเห็นความเป็นจริงผ่านความกลัวเหล่านี้ได้
And living without you…
และอยู่ได้โดยที่ไม่มีคุณ
And everything I have in this world
และทุกๆ อย่างที่ผมมีในโลกนี้
And all that I’ll ever be
และทุกอย่างที่ผมเคยเป็น
It could all fall down around me.
ทุกอย่างมันล่วงลงมากองรอบๆ ผม
Just as long as I have you,
ตราบเท่าที่ผมยังมีคุณอยู่
Right here by me.
อยู่ที่นี่กับผมนะ
I can’t take another day without you
ผมไม่สามารถผ่านวันเหล่านี้ไปได้โดยไม่มีคุณ
‘Cause baby, I could never make it on my own
เพราะอะไรหน่ะหรือที่รัก, เพราะผมไม่เคยทำมันได้ด้วยตัวผมเอง
I’ve been waiting so long, just to hold you
ผมรอมานานแสนนาน, เพียงเพื่อจะเหนี่ยวรั้งคุณ
And to be back in your arms where I belong
และเพื่อจะกลับมาในอ้อมกอดของคุณ ตราบที่ผมยังมีลมหายใจ
Sorry I can’t always find the words to say
ผมขอโทษที่ไม่สามารถสรรหาคำพูดใดๆ
But everything I’ve ever known gets swept away
แต่ทุกๆ อย่างที่ผมเคยรู้มันก็หลุดหายไป
Inside of your love…
ไปในความรักของคุณ
As the days grow long I see
ในแต่ละวันที่ผ่านไป ผมเห็น
That time is standing still for me
ช่วงเวลาเหล่านั้นหยุดนิ่งเพื่อผม
When you’re not here
ตั้งแต่ที่ไม่มีคุณอยู่ตรงนี้
Right here by me.
Sunday, May 18, 2008
ก๊วยจั๊บน้ำใส
ผมพึ่งรู้จักอาหารชนิดนี้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง จะว่าที่แถวบ้านไม่มีก็ไม่กล้าใช้คำนั้น หรือเพราะผมเองไม่เคยเจอร้านที่ขายก็อาจจะเป็นได้ เหอะๆ เพราะก๊วยจั๊บบ้านผมมันไม่มีน้ำใสหรือน้ำข้นหน่ะสิมีแต่ก๊วยจั๊บเฉยๆ กับก๊วยจั๊บเจ๊ก ที่บ้านจะมีเจ๊กกับแกว แกวคือคนญวน หรือเวียดนาม ส่วนเจ๊กก็น่าจะรู้ดีว่าคือคนจีน ที่บ้านเรียกเจ๊ก ไม่ถือว่าไม่สุภาพนะครับ เรียกกันเป็นปกติ เพื่อนคนไหนหน้าตี๋ๆ หน่อยก็เรียกเจ๊กโน่นเจ๊กนี่ ลูกเจ๊กลูกแกว ก็ว่ากันไป ไอ้ก๊วยจับเจ๊กที่ว่าก็คือก๊วยจับที่ภายหลังทราบกันว่าคนกรุงเทพเค้าเรียกว่าก๊วนจั๊บน้ำข้น -_-" เคยไปกินอาหารกับเพื่อนพอมันถามว่ามึงจะกินน้ำข้นหรือน้ำใส ผมเลือกน้ำใสเลย ผิดคาด ไอ้น้ำใสที่ผมเข้าใจมันคือน้ำข้น แล้วทำไมผมถึงคิดว่ามันคือน้ำใส ก็ไอ้ก๊วยจั๊บที่บ้านผม มันข้นกว่านี้มากๆ หน่ะสิครับ ข้นจนอาจจะเรียกว่าไม่มีน้ำก็ได้ ลักษณก็เป็นเส้นขาวๆ เป็นท่อนๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-8 mm. ยาวก็ราวๆ 3-4 เซนติเมตร ต้มเป็นหม้อขนาดใหญ่ใส่กระดูกหมู เวลากินก็ตักใส่ถ้วย ราดน้ำมันกระเทียมเจียว โรยหอมหน่อยก็ใช้ได้แล้ว ใช้ชีวิตที่ กทม. มาสิบกว่าปี ก็ยังไม่เคยเห็นอาหารชนิดนี้มาปรากฏที่ กทม. เลย ส่วนน้ำดำๆ ที่เค้าเรียกกันน้ำข้น แถวบ้านผมเรียกก๊วยจั๊บเจ๊ก คิดว่าน่าจะมาจากสูตรของชาวจีน ส่วนก๊วยจั๊บแกวอาจจะคือก๊วยจั๊บญวนแต่เป็นสูตรแบบคนแถวบ้านผม adapt อีกที :P เรื่องของเรื่องวันนี้ได้มีโอกาสไปกินก็เท่านั้นแหละ
Saturday, May 10, 2008
ขอโทษหว่ะเพื่อน
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านมา กูเองก็รู้สึกแย่เหมือนกัน แต่คงบอกไม่ได้ว่าใครรู้สึกแย่กว่ากัน เพราะเราอยู่กันคนละด้านของความรู้สึก ขณะที่มึงเป็นฝ่ายรับฟัง กูเป็นฝ่ายพูด คำพูดของกูมันคงทำร้ายความรู้สึกมึงไม่น้อย และคำพูดนั้นเองมันก็ทำร้ายความรู้สึกกูเช่นเดียวกัน กูไม่ได้รู้สึกว่ากำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของมึง หรือความเป็นตัวตนของมึงอย่างแน่นอน ทั้งๆ ที่รู้ว่ามึงอ่อนไหวต่อความรู้สึก กูกลับแข็งกร้าวต่อจุดยืน แท้จริงวันนึงมึงอาจจะเข้มแข็ง หรืออาจจะเลวร้ายถึงขนาดเฉยชาต่อเรื่องต่างๆ ถ้าเป็นอย่างหลังมันคงไม่ดีแน่ เพราะมึงเป็นเพื่อนกูหรอกหรือที่ทำให้กูพยายามจะให้มึงเข้มแข็งต่อความรู้สึกแบบนั้น และพูดบอกมึงตรงๆ ออกไป เพรารู้สึกว่าเป็นเพื่อนเท่านั้น กลับไม่ได้คิดว่ามึงจะรับมันได้หรือไม่ ถ้าเป็นคนอื่นกูคงไม่ได้พูดแบบนี้แน่ แต่ก็เอาเถอะหว่ะ กูก็ทำให้มึงเสียใจไปแล้ว ถึงมันไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกแล้วสำหรับเรา มึงคงไม่ได้มาอ่านที่กูเขียนไว้หรอก แต่กูเขียนไว้เพื่อนเตือนตัวเองว่ากูจะ ไม่พูดกับมึงในลักษณะนั้นอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะกูเบื่อที่มึงเป็น ไม่ใช่เพราะกูขี้เกีบจหรือเฉยชาต่ออารมณ์ของมึง แต่มึงเป็นเพื่อนกู กูไม่อยากให้เราต้องอยู่ในสภาพแบบนั้นอีก วันนึงมึงคงดีขึ้นต่อความรู้สึกแบบนั้น มันไม่ใช่หน้าที่ของเพื่อนอย่างกูที่จะต้องไปเร่งให้มึงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่กูต้องการ เพราะมึงก็คือมึง และกูก็คือกู ไม่มีใครเหมือนใคร และไม่มีใครจำเป็นต้องเหมือนกับเราซะหน่อย ...
Tuesday, May 06, 2008
[:space:]
ผมคงต้องถอยห่างออกมาอย่างที่คุณต้องการสักพัก ถึงแม้มันจะฝืนต่อความรู้สึกของผม แต่ในเมื่อความสับสนที่เกิดกับคุณ มันยังไม่สามารถระบุที่มาได้อย่างแน่ชัด การมีผมเป็นปัจจัยมันอาจจะทำให้คุณยิ่งเป็นสับสนหนักเข้าไปอีก มันไม่ง่ายที่จะห่างออกมา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ อะไรก็ตามถ้ามันเป็นสิ่งที่คุณต้องการและผมทำได้ ผมจะทำมัน ผมยั่งมั่นใจในความรู้สึกของตัวผมเองที่มีต่อคุณ แต่ถ้าใช้เพียงความรู้สึกของผมนำพา แล้วมันทำให้คุณอึดอัดผมเองคงจะรู้สึกไม่ดีแน่ ไม่ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไรขอให้คุณผ่านพ้นมันไปให้ได้ และไม่ว่าคำตอบสุดท้ายมันจะออกมาอย่างไร ขอให้เลือกทำในสิ่งที่ตัวคุณเองต้องการ เลือกสิ่งที่ดีต่อความรู้สึกของคุณ จงเข้มแข็งกับทุกๆ เรื่อง ที่ต้องเผชิญ หญิงสาวแก่นแก้วที่ผมรู้จักคนนี้เธออาจจะดูอ่อนไหว แต่แท้จริงเธอเป็นคนเข้มแข็งเอาการเลยแหละ แต่ปัญหาของผมตอนนี้คือความคิดถึงที่เกิดขึ้น มันจะห้ามยังไงกันนะ ...
Thursday, May 01, 2008
คนมีตังค์
วันๆ ไม่เรื่องเพลงก็เรื่องหนัง 55 มันจะต่างอะไรกับหนังสือสักเล่ม เพลงหรือหนังก็ล้วนสะท้อนมุมมองของชีวิตออกมาในช่วงเวลานั้น มุมมองของคนแต่งคนเขียนบท มันก็คือมุมมองของคนๆ นึง เค้ามีความสามารถมากกว่าเราก็ตรงการร้อยเรียงเรื่องราวออกมาเป็นเพลง หรือบทภาพยนต์ก็เท่านั้น เพลงดีๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงที่ดัง หรือเพลงที่ติดปาก เพลงเนื่อหาดีๆ หลายๆ เพลงก็หาได้ดังติดชาร์ต แต่ถ้าเป็นเพลงที่ร้องออกมาโดยศิลปินที่เราชอบเราก็มักจะได้ฟัง หรือไม่ก็บังเอิญมีคนนำพาให้เราไปฟัง อิอิ เพลงนี้เป็นเพลงจากศิลปินที่ผมชื่อชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ถ้าคุณเคยฟังแต่เพลงตลาดๆ อย่าง ยาพิษ ยิ่งรู้ยิ่้งไม่เข้าใจ อกหัก นาฬิกาตาย หรือแม้แต่เพลงที่กำลังโปรโมทอย่าง แค่หลับตา แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเพลงที่ว่ามามันไม่ดี เพียงแต่คนละมุมมอง เพลงส่วนใหญ่จะมองที่ความรัก ไม่ว่าจะอกหักหรือสมหวัง แต่เพลงนี้ "คนมีตังค์" มองที่ชีวิต ฟังๆ ไปไม่ได้คิดอะไรมาก มาติดใจ ตรงท่อนนี้แหละ
"มีสตางค์นี่มันช่างดีแสนดี
มีสตางค์จะทำอะไรผู้คนจะมา
เจอกับใครต่อใครมากมายหลายตา
เหงานั้นคงไม่มี"
ถึงกับต้องถามกลับว่า เห้ย มันจริงเหรอวะ คนมีตังก์ไม่มีความเหงา??
เคยมั๊ยเหงาท่ามกลางผู้คนแวดล้อมหลากหลาย เหงาในงานรื่นเริง ไม่ใช่เหงาเพราะอยู่คนเดียว คุณจะเคยมั๊ยนะ ...
ลองฟังได้ที่นี่ คนมีตังค์ - bodyslam
"มีสตางค์นี่มันช่างดีแสนดี
มีสตางค์จะทำอะไรผู้คนจะมา
เจอกับใครต่อใครมากมายหลายตา
เหงานั้นคงไม่มี"
ถึงกับต้องถามกลับว่า เห้ย มันจริงเหรอวะ คนมีตังก์ไม่มีความเหงา??
เคยมั๊ยเหงาท่ามกลางผู้คนแวดล้อมหลากหลาย เหงาในงานรื่นเริง ไม่ใช่เหงาเพราะอยู่คนเดียว คุณจะเคยมั๊ยนะ ...
ลองฟังได้ที่นี่ คนมีตังค์ - bodyslam
Subscribe to:
Posts (Atom)