Thursday, October 25, 2007
อย่าไปดูซีรี่ หรือละคร ถ้าใจไม่แข็งพอ
ผมว่าพฤติกรรมติดละคร (บ้านเรา) หรือติด series (ติดละครต่างชาติ) เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้กับคนส่วนมาก ถ้าลองเผลอได้ดูเข้าสักตอนหรือสองตอน (สำหรับคนใจแข็งหน่อย) ก็จะติดงอมแงมแทบจะขาดไม่ได้ อะไรกันนะคือสาเหตุ ความสามารถในการผู้เรื่อง ความหล่อเหลา หรือส่วยเก๋ของตัวแสดง ความอยากรู้อยากเห็นความเป็นไปของชีวิตคนอื่น (แม้จะถูกสร้างขึ้นก็ตาม) ที่ซ่อนเร้นภายในตัวเราทุกผู้ทุกคน การมีอารมณ์ราวกับตัวละครเป็นญาติพี่น้อง หรือเพื่อนข้างบ้านที่ร่วมสุขรวมทุกข์กันมา อะไรกันนะ หรือบางที่คนเราอยากจะหลุดจากวิถีความเป็นตัวเอง การแทรกสอดอารมณ์ลงไปในตัวละครเพื่อให้ลืมสภาพปัจจุบัน แม้เพียงชั่วขณะก็ตามที เราได้ฝัน เราได้ร่วมยินดีกับพระเองนางเอง ได้ร่วมสมน้ำหน้าตัวร้ายหรือคนเลวที่มักจะได้รับจุดจบที่ไม่ดี (อาจจะต่างกับชีวิตจริง หรือเป็นไปได้อยากในชีวิตจริง) เรายินดีๆ ที่คนดีๆ ในเรื่องได้ลงเอยกัน พระเอกหล่อ นางเอกสวย พระเอกดีเลิศ นางเองกตัญญู ผมเองก็ติดตามดูละครพอตัว แต่ก็ไม่ได้ถึงกับติดงอมแงมถึงขนาดนัดหมายกับตัวเองว่าต้องดูเรื่องโน้นเวลาโน้น เรื่องนี้เวลานี้หรอก วันก่อนนั่งดูบอลกับเพื่อนมันถามผมว่าทำไมคนตั้งเยอะแยะต้องเข้าสนามไปดูบอลวะ? เป็นคำถามที่ดี ผมพยายามหาเหตุผลสองสามข้อให้มัน มันไม่ได้สนใจจะฟังผมเท่าไหร่ หรือเพราะมันถามไปงั้นแหละ กูกับมึงไม่ได้เป็นพื่อนร่วมชาติกับมัน ยังมานั่งดูกันอยู่ พิมพ์มาถึงตอนนี้เริ่มสงสัย กูมาพิมพ์อะไรซะยาว ขมวดปมจบไม่ได้ ถ้าเป็นละคร คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าติดตาม ว่าแต่มันจะมีชีวิตใครกันนะที่น่าติดตามทุขณะจิต คุณและผมต่างก็รู้ว่า "มี" แน่ ก็คนที่เราสนใจไงหล่ะ เราย่อมอยากรู้ความเป็นไปของเค้าแม้นรายละเอียดที่น้อยนิด มันก็่ช่างน่าติดตามเสียนี่กะไร
Monday, October 22, 2007
หรือเพราะร่างกายขาดความยืดหยุ่น
หรือเพราะแก่แล้ว เส้นสายภายในร่างกันมันเลยตึงตัว ไม่ก็เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายความเค้นในร่างกายมันเลยเยอะ ขยับท่าแปลกหรือยืดตัวมากๆ เกิดอาการเส้นตึก ปวดคอมากหลังจากอาบน้ำเสร็จ อาจจะเพราะพยายามถูหลังเร็วเกินไป โดยลืมไปว่าตื่นนอนใหม่ๆ ร่างกายยังไม่พร้อมจะทำอะไรกระทันหัน สันนิษฐานไปต่างๆ น่าๆ ก็เมื่อเช้านะสิปวดคอมากถึงมากที่สุด ออกจากห้องน้ำลองมานอนเอนหลัง โอ้ว แม้แต่เอนหลังยังไม่ได้ปวดตั้งแต่แผ่นหลังมาถึงต้นคอ ตัดสินใจพาร่างกายไปทำงาน คิดว่าอาการเส้นตึงมันคงจะทุเราลงไปได้เอง ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ คราวนี้ปวดคอไม่พอทำท่าจะจับไข้ซะอีก แย่จริงๆ เรา เลยขอตัวกลับบ้านก่อน ไม่ได้หวังว่ากลับมาแล้วมันจะหายหรอกนะ แต่ไม่อยากกลับในเวลาที่ผู้คนพลุกพล่านกอรปกับการขยับร่างกายที่ไม่คล่องตัว จะทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก แวะซื้อบุหรีระหว่างทาง ปกติทำงานจะไม่ได้เอาบุหรี่ไปสูบ คราวนี้ปวดคอไม่รู้จำทำไง หาบุหรี่สูบแก้เครียดหน่อย เดินเข้าเซเว่น สั่ง LM แดงซองนึง พนักงานถามอย่างที่เคยถาม เอาซองแข็งหรือซองอ่อนค่ะ (บุหรี่มีการบรรจุซอง 2 ปรเภท คือซองอ่อนที่เห็นกันทั่วไปกับ กับซองแข็งซึ่งดูมีราคา แต่จริงๆ แล้ว ราคามันเท่ากัน) ผมตอบไปว่าซองแข็ง เค้าเอื้อมไปหยิบบุหรี่ออกมาโดยไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำแล้วเอารูดผ่านเครื่องอ่านบาร์โค๊ด มันเป็นซองอ่อน ธรรมดาผมไม่ได้สนใจหรอกจะแข็งหรืออ่อนดูดมากๆ เป็นมะเร็งตายได้พอๆ กัน แต่ด้วยการหยิบของเธอมันทำให้ผมรู้สึกว่า คุณไม่ใส่ใจลูกค้าเอาซะเลย คุณถามผมทำไมว่าจะเอาซองชนิดไหน เมื่อคุณไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าที่หยิบมามันจะเป็นอย่างที่ผมบอกหรือเปล่า ผมบอกเธอไปว่าผมสั่งซองแข็ง และผมต้องการซองแข็งเท่านั้น เธอทำหน้าไม่พอใจเล็กๆ คงนึกในใจว่า เรื่องมากจังวะ ซองไหนก็เหมือนกัน ถ้าเหมือนกันแล้วคุณถามผมทำไม? คุณเสนอทางเลือก แล้วไม่สนองต่อทางที่ผมเลือกแล้วคุณให้ผมเลือกทำไม ถ้าไม่อยากให้เค้าเลือก ก็อย่ายื่นข้อเสนอ ง่ายๆ แค่นี้ ถ้ามีข้อเสนอคุณมีสิทธิ์เลือก และสิทธิ์ในการปฏิเสธต่อสิ่งที่ได้รับซึ่งขัดต่อทางที่คุณเลือกย่อมเป็นไปได้ อย่าเลยครับอย่าให้มันง่ายจนเคยตัว อะไรก็ได้ ผลกระทบบางมันอย่างมันส่งผลทอดยาวไปถึงลูกหลานของคุณก็เป็นได้ ... (เรื่องมากจังวะ เรา)
Thursday, October 18, 2007
งานขายหนังสือประจำปี
มีโอกาสได้ไปงานหนังสือประจำปีอีกแล้ว พลาดเหมือนเดิมคือดันกดตังก์ติดกระเป๋าไปด้วย ทั้งๆที่คิดว่าจะไปเดินดูเฉยๆ ก่อน (อีกแล้ว) เดินค่อนงานกว่าจะเสียตัวให้กับหนังสือของ อ.ชัยวัฒน์ (รู้จักกันในนามชัยคุปต์) บรมครูหนังสือวิทยาศาสตร์ ตอนเด็กๆ ชอบอ่านการตอบปัญหาวิทยาศาสตร์ของแกท้ายเล่ม "ชัยพฤกวิทยาศาสตร์" (สมัยนี้เลิกตีพิมพ์ไปแล้ว) เห็นกองๆ ขาย เล่มละ 20 บาท ไม่น่าเชื่อว่า 20 บาทนี้มันจะจุดประกายให้ต้องเดินย้อนกลับไปเก็บหนังสือที่เล็งไว้ตอนเดินๆ ดูมา สรุปยอดจ่ายท้ายสุด หมดไปพันกว่าบาท ได้หนังสือมามากกว่าสิบเล่ม นักเขียนในดวงใจคราวนี้คือคุณชาติ กอบจิต โชคดีของผมที่หนังสือระดับมาสเตอร์พีช ผมได้อ่านมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะพันธุ์หมาบ้า หรือ คำพิพากษา (อ่านไป 2 รอบ) คราวนี้เลยได้กวาดเล่มเล็กติดมือมา จะว่าไปหนังสือของท่านไปยืนอ่านร้านหนังสือจบได้ภายในเวลาไมนานเพราะเล่มเล็กๆ เอง แต่ด้วยอุดมการณ์ของท่านคือพยายามใช้กระดาษราคาถูกเพื่อพิมพ์หนังสือที่ราคาถูก ให้เข้าถึงคนอ่านมากกว่ามุ่งหวังกำไร เพราะคนอ่านไม่ใช่ปลวกแทะกระดาษกินเสียหน่อย คุณค่าของวรรณกรรมมันอยู่ในตัวอักษรหาใช่กระดาษที่ใช้พิมพ์ไม่ แต่เวอร์ชันสำหรับคนชอบสะสมก็มีการตีพิมพ์ออกมารองรับเช่นกัน การซื้อหนังสือท่านผมถือว่าเป็นการรับผิดชอบต่อศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานครับ หยิบหนังสือของคุณประชาคม และก็คุณจำลองมาด้วย (เห็นว่าฝีมือเรื่องสั้นของคุณจำลอง ฝั่งชลจิต อยู่ในระดับแนวหน้า เลยต้องขอลอง) หยิบกระจายๆ กันมา กะลองอ่านดูก่อนถึงคุณประชาคมผมจะอ่านของท่านไปแล้วเล่มนึง ("เขียนฝันด้วยชีวิต" ให้เป็นของขวัญวันเกิดน้องชายคนนึงไป แต่ก็ได้กลับมาจากร้านหนังสือมือสอง :P) มันออกแนวอัตถชีวประวัติ ต้องลองอ่านแบบที่ท่านแต่งดูก่อนสักเล่ม ทั้งหมดนี้คงต้องนอนรอไปก่อน เพราะผมมีหนังสือนิยายญี่ปุ่นติดกระเป๋าอยู่เล่มนึงยังอ่านไม่จบ แล้วโดยธรรมชาติของผมทำอะไรซ้ำซ้อนกันไม่ได้ ต้องไปเป็นเรื่องๆ รักใครรักทีละคนแน่นอน หุหุ ...
Creep - คนไม่มีวาสนา
--------------------------------------
Creep Lyrics
Artist(Band):Radiohead
--------------------------------------
When you were here before,
Couldn't look you in your eye
You're just like an angel,
Your skin makes me cry
เมื่อก่อนที่มีเธออยู่
เธอคงมองไม่เห็นตัวเองหรอก
เธองดงามราวกับนางฟ้า
ผิวพรรณของเธอทำให้ฉันต้องหลังน้ำตา
You float like a feather
In a beautiful world
I wish I was special
You're so fucking special
เธอลองลอยดุจขนนก
ท่ามกลางโลกที่สวยงาม
ฉันหวังว่าฉันจะเป็นคนพิเศษ
เพราะเธอช่างพิเศษเหลือเกิน
But I'm a creep,
I'm a weirdo
What the hell am I doin' here?
I don't belong here
แต่ฉันมันคนต่ำต้อย
ฉันคือคนป่าเถื่อน
แล้วฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่หล่ะ
ฉันไม่ควรจะอยู่ตรงนี้
I don't care if it hurts,
I wanna have control
I want a perfect body
I want a perfect soul
ฉันไม่กลัวกับความผิดหวัง
ฉันหวังว่าจะควบคุมมันได้
ฉันต้องการร่างกายที่สมบูรณ์
ฉันต้องการจิดใจที่สมบูรณ์
I want you to notice
when I'm not around
You're so fucking special
I wish I was special
ฉันอยากจะบอกให้เธอรู้ไว้
แม้เวลาที่ฉันไม่อยู่
เธอช่างพิเศษ
ฉันหวัง .. ฉันจะเป็นคนพิเศษ
But I'm a creep
I'm a weirdo
What the hell am I doin' here?
I don't belong here, ohhhh, ohhhh
She's running out again
She's running out
She run run run run...
run...
แล้วก็เธอก็วิ่งหนีฉันไป ...
Whatever makes you happy
Whatever you want
You're so fucking special
I wish I was special
อะไรก็ตามที่ทำให้เธอมีความสุข
อะไรก็ตามที่เธอต้องการ
เธอช่างพิเศษ
ฉันหวัง ..ฉันจะเป็นคนพิเศษ
But I'm a creep,
I'm a weirdo
What the hell am I doin' here?
I don't belong here
I don't belong here...
--------------------------------------
Creep Lyrics
Artist(Band):Radiohead
--------------------------------------
When you were here before,
Couldn't look you in your eye
You're just like an angel,
Your skin makes me cry
เมื่อก่อนที่มีเธออยู่
เธอคงมองไม่เห็นตัวเองหรอก
เธองดงามราวกับนางฟ้า
ผิวพรรณของเธอทำให้ฉันต้องหลังน้ำตา
You float like a feather
In a beautiful world
I wish I was special
You're so fucking special
เธอลองลอยดุจขนนก
ท่ามกลางโลกที่สวยงาม
ฉันหวังว่าฉันจะเป็นคนพิเศษ
เพราะเธอช่างพิเศษเหลือเกิน
But I'm a creep,
I'm a weirdo
What the hell am I doin' here?
I don't belong here
แต่ฉันมันคนต่ำต้อย
ฉันคือคนป่าเถื่อน
แล้วฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่หล่ะ
ฉันไม่ควรจะอยู่ตรงนี้
I don't care if it hurts,
I wanna have control
I want a perfect body
I want a perfect soul
ฉันไม่กลัวกับความผิดหวัง
ฉันหวังว่าจะควบคุมมันได้
ฉันต้องการร่างกายที่สมบูรณ์
ฉันต้องการจิดใจที่สมบูรณ์
I want you to notice
when I'm not around
You're so fucking special
I wish I was special
ฉันอยากจะบอกให้เธอรู้ไว้
แม้เวลาที่ฉันไม่อยู่
เธอช่างพิเศษ
ฉันหวัง .. ฉันจะเป็นคนพิเศษ
But I'm a creep
I'm a weirdo
What the hell am I doin' here?
I don't belong here, ohhhh, ohhhh
She's running out again
She's running out
She run run run run...
run...
แล้วก็เธอก็วิ่งหนีฉันไป ...
Whatever makes you happy
Whatever you want
You're so fucking special
I wish I was special
อะไรก็ตามที่ทำให้เธอมีความสุข
อะไรก็ตามที่เธอต้องการ
เธอช่างพิเศษ
ฉันหวัง ..ฉันจะเป็นคนพิเศษ
But I'm a creep,
I'm a weirdo
What the hell am I doin' here?
I don't belong here
I don't belong here...
--------------------------------------
Monday, October 15, 2007
Dust in the Wind
ARTIST: Kansas
TITLE: Dust in the Wind
I close my eyes
Only for a moment, then the moment's gone
All my dreams
Pass before my eyes, a curiosity
Dust in the wind
All they are is dust in the wind
ฉันลองหลับตาลง
แม้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ แล้วมันก็ผ่านพ้นไป
ความฝันทั้งหมดของฉัน ผ่านไปก่อนที่ฉันจะเห็นมัน อย่างชัดเจน
แค่เพียงผงฝุ่นในสายลม
ทั้งหมดนั้น มันก็แค่ฝุ่นที่ปลิวมาตามลม ...
Same old song
Just a drop of water in an endless sea
All we do Crumbles to the ground, though we refuse to see
Dust in the wind
All we are is dust in the wind, ohh
ไม่ต่างอะไรกับบทเพลงเก่าๆ
แค่เพียงหยดน้ำหนึ่งหยดในทะเลที่กว้างใหญ่
ทุกอย่างที่เราทำสลายร่วงลงสู่พื้น เราเองไม่อยากที่จะรับรู้มัน
..
Now, don't hang on
Nothing lasts forever but the earth and sky
It slips away
And all your money won't another minute buy
ตอนนี้ ไม่ใช้เวลาที่จะมาเศร้าโศก
ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดกาล แต่โลกและท้องฟ้าก็ยังหมุนไป
และเงินทั้งหมดที่คุณมีก็ไม่สามารถที่จะซื้อเวลาสักนาทีได้ ..
Dust in the wind
All we are is dust in the wind
All we are is dust in the wind
Dust in the wind
Everything is dust in the wind
Everything is dust in the wind
The wind
TITLE: Dust in the Wind
I close my eyes
Only for a moment, then the moment's gone
All my dreams
Pass before my eyes, a curiosity
Dust in the wind
All they are is dust in the wind
ฉันลองหลับตาลง
แม้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ แล้วมันก็ผ่านพ้นไป
ความฝันทั้งหมดของฉัน ผ่านไปก่อนที่ฉันจะเห็นมัน อย่างชัดเจน
แค่เพียงผงฝุ่นในสายลม
ทั้งหมดนั้น มันก็แค่ฝุ่นที่ปลิวมาตามลม ...
Same old song
Just a drop of water in an endless sea
All we do Crumbles to the ground, though we refuse to see
Dust in the wind
All we are is dust in the wind, ohh
ไม่ต่างอะไรกับบทเพลงเก่าๆ
แค่เพียงหยดน้ำหนึ่งหยดในทะเลที่กว้างใหญ่
ทุกอย่างที่เราทำสลายร่วงลงสู่พื้น เราเองไม่อยากที่จะรับรู้มัน
..
Now, don't hang on
Nothing lasts forever but the earth and sky
It slips away
And all your money won't another minute buy
ตอนนี้ ไม่ใช้เวลาที่จะมาเศร้าโศก
ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดกาล แต่โลกและท้องฟ้าก็ยังหมุนไป
และเงินทั้งหมดที่คุณมีก็ไม่สามารถที่จะซื้อเวลาสักนาทีได้ ..
Dust in the wind
All we are is dust in the wind
All we are is dust in the wind
Dust in the wind
Everything is dust in the wind
Everything is dust in the wind
The wind
Thursday, October 11, 2007
เมื่อวันที่ต้องวิ่ง
ปกติการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในทุกๆ เช้า ผมจะคาดการระทางและเวลาที่ใช้เดินจากทางเข้าไปยังสถานี เราสังเกตุได้จากคนที่เดินขึ้นมาก็จะพอประมาณได้ว่าเราต้องรีบแค่ไหน และตามธรรมดาถ้าเห็นว่าไม่ทันแล้ว ผมก็จะไม่ใช้พลังงานโดยสิ้นเปลือง ไม่น่าเชื่ออยู่ดีๆ ก็ต้องวิ่งโดยมีความหวังเพียว 50% ว่าจะไปทัน ก็เมื่อเช้าหน่ะสิครับ มีเด็กหญิงนักเรียนคนนึงวิ่งๆ หยุดๆ เหมือนอยากจะทันแต่ก็กลัวไม่ทัน ได้โอกาสทดสอบทฤษฏีของผมแล้ว เลยพยายามวิ่งจะแซงเธอไป เธอก็ไม่ยอมครับวิ่งแข่งกับผม (คนอื่นเห็นคงคิดว่าพ่อลูกคู่นี้มาวิ่งแข่งอะไรกัน เหอะๆ) ไม่น่าเชื่อว่าจะเกือบทันครับ ผมหน่ะไม่ทันแน่ๆ เพราะตามหลังเธอมาทิ้งระยะราวๆ 5 เมตรได้ แต่เสียงนกหวีดรถไฟฟ้าก็แจ้งเตือนปิดประตูตอนนี้ระยะทางเหลืออีกประมาณ 10 เมตร ผมลุ้นให้เธอทัน แต่ดันมีเจ้าหน้าที่รถไฟฟ้ามาขวาง เธอเลยโดดเข้าไปไม่ทัน ผมเหนื่อยมากคงเพราะใช้พลังงานเยอะในระยะเวลาสั้นๆ เหมือนวิ่ง 100 เมตร พอรถขบวนถัดมามาถึง ผมสังเกตุว่าเธอหายใจหอบ แสดงว่าคงเหนื่อยเหมือนกัน เห็นเธอหันมาแว๊บๆ เธอคงนึง "ไอ้แก่นี่ มันบ้าอะไรวะ อยู่ดีๆ มาพาเราวิ่งซะเหนื่อย .."
Wednesday, October 03, 2007
Wake Me Up When September Ends
Song: Wake Me Up When September Ends
Artist: Green Day
Summer has come and passed
The innocent can never last
wake me up when september ends
ฤดูร้อนมาถึงแล้วก็ผ่านไป
แต่ความไร้เดียงสายังไม่หมด
ช่วยปลุกฉันทีเมื่อกันยา ผ่านพ้น
like my fathers come to pass
seven years has gone so fast
wake me up when september ends
เหมือนกับพ่อที่มาแล้วก็จากไป
7 ปีช่างผ่านพ้นไปรวดเร็ว
..
here comes the rain again
falling from the stars
drenched in my pain again
becoming who we are
ฝนเริ่มจะตกอีกแล้ว
มันล่วงหล่นจากดวงดาว
ชะล้างความเจ็บปวดของฉันอีกหน
กลับสู่ตัวตนที่เราเป็น
as my memory rests
but never forgets what I lost
wake me up when september ends
ดุจความทรงจำที่หยุดนิ่ง
แต่ก็ไม่เคยลืมสิ่งที่สูญเสียนั้น
...
summer has come and passed
the innocent can never last
wake me up when september ends
ring out the bells again
like we did when spring began
wake me up when september ends
เสียงระฆังแว่วมาอีกครั้ง
อย่างที่เคยเป็นเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง
here comes the rain again
falling from the stars
drenched in my pain again
becoming who we are
as my memory rests
but never forgets what I lost
wake me up when september ends
Summer has come and passed
The innocent can never last
wake me up when september ends
like my father's come to pass
twenty years has gone so fast
wake me up when september ends
wake me up when september ends
wake me up when september ends
--
ข้อมูลจาก wiki
ด้วยความที่อยากรู้ ว่าทำไมต้องเป็นกันยายน (September) ทั้งๆ ที่มีตั้ง 12 เดือนให้เลือกใช้
ก็ค้นพบว่าผู้แต่งสูญเสียพ่อไปในเดือนนั้น การก้าวผ่านช่วงเวลาที่เจ็บปวด มันช่างแสนยากลำบากและยาวนาน
ทุกครั้งที่กาลเวลาเวียนมาถึง ความทรงจำของความเจ็บปวด มันก็ยังส่งผลถึงสภาภาพปัจจุบัน
... เมื่อไหร่นะ เดือน Novermber มันจะผ่านพ้นไปเสียที ....
Artist: Green Day
Summer has come and passed
The innocent can never last
wake me up when september ends
ฤดูร้อนมาถึงแล้วก็ผ่านไป
แต่ความไร้เดียงสายังไม่หมด
ช่วยปลุกฉันทีเมื่อกันยา ผ่านพ้น
like my fathers come to pass
seven years has gone so fast
wake me up when september ends
เหมือนกับพ่อที่มาแล้วก็จากไป
7 ปีช่างผ่านพ้นไปรวดเร็ว
..
here comes the rain again
falling from the stars
drenched in my pain again
becoming who we are
ฝนเริ่มจะตกอีกแล้ว
มันล่วงหล่นจากดวงดาว
ชะล้างความเจ็บปวดของฉันอีกหน
กลับสู่ตัวตนที่เราเป็น
as my memory rests
but never forgets what I lost
wake me up when september ends
ดุจความทรงจำที่หยุดนิ่ง
แต่ก็ไม่เคยลืมสิ่งที่สูญเสียนั้น
...
summer has come and passed
the innocent can never last
wake me up when september ends
ring out the bells again
like we did when spring began
wake me up when september ends
เสียงระฆังแว่วมาอีกครั้ง
อย่างที่เคยเป็นเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง
here comes the rain again
falling from the stars
drenched in my pain again
becoming who we are
as my memory rests
but never forgets what I lost
wake me up when september ends
Summer has come and passed
The innocent can never last
wake me up when september ends
like my father's come to pass
twenty years has gone so fast
wake me up when september ends
wake me up when september ends
wake me up when september ends
--
ข้อมูลจาก wiki
ด้วยความที่อยากรู้ ว่าทำไมต้องเป็นกันยายน (September) ทั้งๆ ที่มีตั้ง 12 เดือนให้เลือกใช้
ก็ค้นพบว่าผู้แต่งสูญเสียพ่อไปในเดือนนั้น การก้าวผ่านช่วงเวลาที่เจ็บปวด มันช่างแสนยากลำบากและยาวนาน
ทุกครั้งที่กาลเวลาเวียนมาถึง ความทรงจำของความเจ็บปวด มันก็ยังส่งผลถึงสภาภาพปัจจุบัน
... เมื่อไหร่นะ เดือน Novermber มันจะผ่านพ้นไปเสียที ....
Subscribe to:
Posts (Atom)