วันนี้ลืมตาออกจากห้องไปราวๆ เที่ยงเศษๆ ก็จะอะไรซะอีกเจ้าเพื่อนโทรมาตามให้ไปช่วยติดตั้ง software ตามที่นัดหมาย (แต่ไร้การ confirm ใดๆ) เอาวะไปก็ไป ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดี ก็แทบจะได้ได้เคลื่อนกายพ้นเขตแดนของคอนโดอันเป็นที่พำนักเลย วันนี้อากาศอึมครึมครึ้มฟ้าครึ้มฝน มอซอไร้แดด ที่หมายก็ไม่ใกล้ไม่ไกล ระแวกน๊อดป๊าก แถวๆ ม.ธุรกิจบัณฑิต จากตลาดนนท์ถือว่าอยู่ในวิสัย การดำเนินการไร้ปัญหาบ่ายสามกว่าๆ ก็เสร็จธุระ ออกมานั่งกินกาแฟคุยกันเรื่อยเปลื่อยก่อนจะแยกย้าย (มันคงจะเป็นเบียร์ถ้ามีร้านมันเปิดต้อนรับในเวลานั้น) มันส่งผมตรงป้ายรถเมล์แถวๆ ม.ธุรกิจบัญฑิต ริมคลองประปา เดินยังไม่เข้าป้ายดีรถเมล์ก็มา สาย 70 ผมไม่เคยนั่งสายนี้มาก่อน แต่สายไหนๆ ผมก็ไม่เคยนั่งจากจุดนี้ อย่างแรกที่คิดจะทำคือ ออกจากตรงนี้ไปก่อน เอ แล้ว 70 มันไปสุดที่ไหนกันหล่ะครับ? เดินขายังยกไม่พ้นบันได พนก. ก็บอกว่า สุดสายที่ สถาณีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ อืมม ok, on the way.
นั่งไปสักพักก็เกิดอาการปวดฉี่อย่างเบา หมายความว่าผมยังคงสถานะไปได้อีกไม่เกินชั่วโมง รถมันก็เลยแยกงามวงศ์วานไปแล้ว ที่หมายก็คงต้องเป็นสถาณีรถไฟฟ้าแล้วแหละครับ ด้วยความที่ไอเดียร์กระฉูดบวกกับได้ปลดปล่อยร่างกายออกจากสถานที่จองจำมาแล้ว ตอนนี้คิดแล้วหล่ะครับว่าจะไปฉี่ที่ไหนดี (มันจะมีคนบ้าคิดอย่างนี้บ้างเปล่าวะเนี้ย?) เริ่มที่ central ลาดพร้าว ไม่ work เดินไกล ใกล้กว่าก็ union mall แต่ก็ไม่ไหว มันเหมือนห้องน้ำจริงๆ อย่างอื่นแทบไม่มีอะไรน่าสนใจ เอ หรือจะเป็นเอ๊สพานาด น่าสนใจยังไม่ฟังธง เผื่อจะได้ดูหนังซักรอบในรอบหลายปีก่อนกลับ ถัดมาก็ฟอร์จูน ได้เดินดูสินค้า IT (คิดอีกที มึงบ้าหรือเปล่าวะ ชิวิตนอกจากคอนโดน มึงก็อยู่ฟอร์จูนนี่แหละ เออหว่ะมันก็จริง) แว๊บๆๆ เข้ามา เห้ย มันมีงานหนังสือนี่หว่า อีกใจนึงก็ไม่ค่อยอยากไปกลัวเปลืองตังก์ เอาวะไปงานหนังสือดีกว่า ไม่ได้ซื้ออะไรก็ได้ดูหนังสือใหม่ๆ หนอนหนังสือหน้าตาดีๆ อิอิ เอสพาน๊าด เลยต้องยกยอดไปจนกว่าโอกาสจะอำนวย
รถเทียบที่สถานีศูนย์ประชุม อย่างแรกที่พ้นประตูสถานีคือผมไปกดตังก์!! กูจะบ้าตาย ไหนบอกไม่ซื้ออะไรไงวะ แต่ก็เหมือนมีอำนาจบางอย่างเตือนว่ากดไว้ก่อน ไม่ได้ซื้อเงินก็ไม่ได้ละลายไปไหน จากนั้นอย่างแรกที่ต้องทำคือไปเข้าห้องน้ำ หลังจากทำภารกิจหลักเสร็จก็ถึงคราวของภาระกิจรอง คือไปเดินชมงาน ไปตัวเปล่าแสนสบาย ไม่ต้องมีเป้พะรุงพะรัง ผ่านทุกๆ ด่านตรวจโดยไม่มีชะงักหรือติดขัดอะไร
หลังจากได้แผนที่การจัดบู๊ทแล้ว ก็ต้องกำหนดที่หมายหล่ะครับ ไม่เดินกวาด เพราะไม่ได้มาตลาดนัด มาดูหนังสือของบางสำนักพิมพ์ หรือนักเขียนบางคนเท่านั้น ไม่ได้หาหนังสือแปลกใหม่ที่ไม่เคยอ่าน หนังสือดีต้องมีคนการันตีร์ ต้องมีการพูดถึง ไม่ใช่ตลาดนัดสินค้าตาร้ายดีตาดีเสีย เห้ยตาดีด้ายตาร้ายดี อะไรวะ นึกที่ถูกไม่ออก พอ!! ปวดหัว ช่างมัน!!
ที่แรกที่นึกถึงคือสำนักพิมพ์ชาวใต้ (น่าจะนาครนะ เดินนึกยังไงก็นึกไม่ออก พอนึกออกชื่อนี้ก็ดันไม่มีในแผนที่) เลยต้องเปลี่ยนเป็นพี่วินทร์ละกัน ผมไม่ได้ซื้อหนังสือแกอ่านมานาน พอๆ กับคุณประภาส แกทั้งคู่สอนให้ผมคิด อ่าน ในบางมุม ที่เราๆ หรือใครๆ อาจจะนึกไม่ถึง โป๊ะเช๊ตรงที่ผมดันแตกความคิดไปคนละทางกับพี่แกทั้งสอง เลยต้องเลิกอ่านแนวๆ คุยกับประภาสไปโดยปริยาย (อีโก้นี่หว่า? จริง แต่กำลังปรับๆ อยู่) คุณวินทร์ยังไม่เท่าไหร่ เพราะแกออกแนวเรื่องสั้น ทำให้ผมยังพอได้ติดตามบ้าง เลยไปร้านคุณวินทร์ คนเยอะมาก ไม่ไหวอะ มีอีกร้านระแวกไม่ไกล ร้านสีชมพูใสแจ๋ว เหลือบมองชื่อร้าน "Jamsai" เห้ย สวรรค์มาโปรด จำได้ว่าเป็นร้านที่น้องๆ ที่ office เอ่ยถึง เลยต้องจบความวุ่นวายที่ร้านพี่วินทร์เท่านี้ ร้านนี้คนเยอะก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเข้าใกล้มากก็ได้ เพราะไม่ได้ดูหนังสือ อิอิ ใช้เวลาน้อยกว่าที่คาด ไม่ประทับใจ ไม่รู้ว่าไม่ถูกวัน หรือทัศนะคติไม่ตรงกับน้องๆที่ office ก็สุดจะเดา ไปมติชนดีกว่า หาๆ หนังสือคุณประชาคม สุนาลัย มาอ่านสักหน่อย บู๊ทมติชนเองมีหนังสือน่าสนใจหลายเล่มทีเดียวครับ รวมถึงวรรณกรรมเยาวชนที่น่าอ่านหลายๆ เล่ม เดินๆ พลิกๆ อ่าน หยิบติดมือมาสามสี่เล่มได้ พอจะจ่ายตังก์ เปลี่ยนใจกระทันหัน ไม่เอาดีกว่า สงสารหนังสือที่บ้านกองเป็นกระบุง พอได้ใหม่ ก็อ่านแต่หนังสือใหม่ หนังสือเก่าไม่ได้อ่านซะที ปีนี้งดหนังสือใหม่ละกัน เดินออกมาจะกลับอยู่แล้ว ไหนๆ ก็มาแล้วเดินกวาดซะหน่อย เผื่อจะเจอสำหนังพิมพ์นาคร เดินอยู่พักใหญ่ก็เจอหนังสือของสำนักเขียนที่ว่า (มันอยู่บู๊ท บ้านวรรณกรรม จำไว้ คราวหน้าจะได้ไม่หลง) ไม่มีหนังสือเล่มใหม่ของนักเขียนที่ผมต้องการ (จริงๆ เค้าเสียชีวิตไปแล้ว แต่หลังๆ ก็มีการรวมเล่มเรื่องสั่น ที่ยังไม่ได้มีการรวมเล่มออกตามมาเหมือนกัน) ไม่มีเล่มใหม่ออกมา จะว่าไปงานเขียนเค้ามันก็สมบูรณ์ในระหว่างที่เค้ายังมีชีวิตอยู่ พวกที่รวมเล่มหลังๆ ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ (มิหน้าหล่ะ ตอนเค้าอยู่เค้าถึงไม่ได้เอามาตีพิมพ์รวมเล่ม คิดเอาว่ามันไม่ผ่านเกณฑ์ของนักเขียนเอง)
เดิมมีแผนจะไปนั่งเรือด่วนเจ้าพระยากลับ คิดถึงพระปรางวัดอรุณขึ้นมาตะหงิดๆ ลมเอื่อยๆ เย็นดีพิกล นังเรือน่าจะ work แต่ก็ไม่ได้ไปหรอกครับ ไม่แน่ใจเรื่องเวลาเที่ยวสุดท้านของเรือว่าเป็นทุ่มหรือทุ่มครึ่ง แล้วถ้าไปแล้วไม่ทันเรือ มันจะกลายเป็นวิบากกรรมต่อเนื่อง เลยนังไฟฟ้าย้อนกลับมาที่สถานีบางซื่อ ก่อนจะนั่งรถเมล์กลับ
กลับถึงห้อง นอนแอ้งแม้งตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง ตื่นมาราวๆ เที่ยงคืน ได้รับ message ว่า "วันนี้ได้มาล่องเรือเรียบเจ้าพระยาด้วย อากาศเย็นสบายมากเลย ฮี่ฮี่ สะพานซังฮี้กับพระรามแปดที่ไม่ได้เห็นตอนดึกมานาน สวยจัง" .. ทำให้รู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้ไปนั่งเรือด่วนกลับ เอ แต่ถ้าเราไปนั่งเรือด่วน เราจะเห็นซังฮี่กับพระรามแปดหรือเปล่าหล่ะ? พระตอนนั้นสนใจวัดอรุณนิ หุหุ ...
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment